เที่ยวศรีสะเกษ
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ
ดินแดนปราสาทขอมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
จังหวัดศรีสะเกษหรือเมืองขุขันธ์ในสมัยก่อน หนึ่งในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอย่าง "อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร"
อัดแน่นด้วยวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยขอม แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
และวัดดังสำหรับกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลจำนวนมาก ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเสมอ
วันนี้เราเลยแวะไปคัดเอาสถานที่ท่องเที่ยวเด็ด ๆ
ของศรีสะเกษมาเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวที่สนใจกัน
ส่วนจะมีที่เที่ยวไหนห้ามพลาดกันบ้างไปชมกันเลย
ที่เที่ยวศรีสะเกษ
1. อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร

อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของไทย ตั้งอยู่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
และด้วยเนื้อกว้างใหญ่กว่า 81,250 ไร่ ทำให้อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 2 จังหวัด
คืออำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
ภายในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ
ที่เที่ยวศรีสะเกษ
- ผามออีแดง จุดชมวิวสวย ๆ ที่สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติได้สุดสายตายาวไปจนถึงสามารถมองเห็นปราสาทเข้าพระวิหาร
ที่เที่ยวศรีสะเกษ
- ภาพสลักนูนต่ำบริเวณหน้าผาใต้มออีแดง ซึ่งเป็นภาพเทพ 3 องค์
ขนาดเท่าคนจริง อายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี
- สถูปคู่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าพระธาตุ ทางทิศตะวันตกของผามออีแดง
เป็นสถูปหินทราย 2 องค์ ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์
มียอดมนคล้ายตะปูหัวเห็ด ข้างในเป็นโพรงใช้สำหรับบรรจุสิ่งของในสมัยโบราณ
ที่เที่ยวศรีสะเกษ
- ปราสาทโดนตวล เป็นปราสาทหินแบบขอม สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15-16
ตั้งอยู่บริเวณบ้านภูมิซรอล ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์
- เขื่อนห้วยขนุน เป็นอ่างเก็บน้ำชลประทาน
และเป็นที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 25 กิโลเมตร
ซึ่งบริเวณอ่างเก็บน้ำมีทิวทัศน์ที่สวยงามเหมาะแก่การเที่ยวชมธรรมชาติเป็นอย่างมาก
- สระตราว หรือห้วยตราว เป็นธารน้ำอยู่ตรงบริเวณลานหินเชิงเขาพระวิหาร
มีสายน้ำไหลผ่านถ้ำใต้เพิงหินลงสู่บริเวณที่ลุ่มต่ำ
ซึ่งมีแนวหินซ้อนกั้นสายน้ำให้ไหลไปตามต้องการอย่างสวยงาม
- น้ำตกและถ้ำขุนศรี ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของสระตราวใกล้เส้นทางเดินขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร
ส่วนถ้ำขุนศรีภายในมีขนาดกว้าง เชื่อกันว่าเป็นที่พักของขุนศรี
ขณะมาควบคุมการตัดหินบริเวณสระตราวเพื่อใช้สร้างปราสาทเขาพระวิหาร
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาที่อุทยานเปิดบริการทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. และต้องเสียงค่าเข้าชม สำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท
ส่วนชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท, เด็ก 200 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 4581 8021, 0 4581 6071, 08 1528 3268 หรือ park.dnp.go.th
และอัพเดทข้อมูลได้ที่ เฟซบุ๊ก
อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร - ผามออีแดง
2. วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว
หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อวัดล้านขวด ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านดอน ตำบลโนนสูง
อำเภอบุญหาญ ที่มาของชื่อวัดล้านขวดนี้มาจากอาคารต่าง ๆ
ภายในวัดตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า, ลานจอดรถ,
โบสถ์, ศาลา, หอระฆัง, กุฏิ
รวมไปถึงห้องน้ำภายในวัด ล้วนประดับตกแต่งไปด้วยขวดแก้วหลากหลายสีสันกว่า 1.5 ล้านใบ
โดยได้แนวความคิดในการออกแบบมาจาก
"พระครูวิเวกธรรมาจารย์" หรือ "หลวงปู่ลอด"
ที่ได้เดินธุดงค์มาปักกลดภายในพื้นที่ป่าช้าหนองใหญ่ (ที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน)
ซึ่งตั้งอยู่ใกล้บ่อขยะที่เต็มไปด้วยขวดแก้วจำนวนมาก
ท่านจึงเห็นว่าควรนำขวดที่สีสันเหล่านี้มาทำให้เกิดประโยชน์ด้วยการนำไปตกแต่งอาคารภายในวัด
นอกจากจะเป็นการกำจัดขยะแล้วยังประหยัดงบประมาณในการก่อสร้าง
ต่อมาเมื่อวัดล้านขวดเป็นที่รู้จักมากขึ้นจึงมีชาวบ้านจากจังหวัดศรีสะเกษ
หรือจังหวัดใกล้เคียงนำขวดมาบริจาคจนมีอาคารต่าง ๆ ถูกทยอยสร้างมากขึ้น
จนกลายเป็นวัดดังและมีชื่อเสียงประจำจังหวัดศรีสะเกษดังเช่นในปัจจุบัน
3. วัดมหาพุทธาราม

วัดเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาก่อนเมืองศรีสะเกษ โดยเดิมเรียกว่า
"วัดป่าแดง" ตั้งอยู่ใจกลางเมืองศรีสะเกษ โดดเด่นด้วยวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง
คือ "หลวงพ่อโต" เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย
มีความสูงจากฐานถึงยอดเกศ 6.85 เมตร หน้าตักกว้าง 3.50 เมตร
เดิมเป็นพระพุทธรูปศิลาจำหลัก
สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยขอมและมีอายุร่วมกว่าพันปี
ซึ่งภายหลังได้ถือเอาพระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์เป็นสำคัญ
จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดพระโต" ตามลักษณะของพระพุทธรูป
จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2494
ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "วัดมหาพุทธาราม"
และได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างมาจนถึงปัจจุบัน
อีกทั้งยังเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษอีกด้วย
4. วัดพระธาตุสุพรรณหงส์

วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ หรือวัดบ้านหว้าน
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหว้าน ตำบลน้ำคำ อำเภอเมือง ตั้งอยู่ห่างจาก
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 10 กิโลเมตร อีกหนึ่งวัดสวยที่ห้ามพลาดเมื่อเดินทางไปยังจังหวัดศรีสะเกษ
ด้วยความโดดเด่นของพระอุโบสถที่ก่อสร้างบนเรือสุพรรณหงส์จำลอง
ลอยอยู่กลางน้ำอย่างสวยงามแปลกตา ตัวพระอุโบสถกว้าง 5 เมตร ยาว 13.60
เมตร หลังคาทรงจัตุรมุข 3 ชั้น มียอดมณฑปกลางอุโบสถ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
และด้วยความสวยงามโดดเด่นของวัดแห่งนี้จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม
5. น้ำตกวังใหญ่

น้ำตกวังใหญ่
ตั้งอยู่เขตหมู่บ้านก่อ หมู่ 7 ตำบลละลาย อำเภอกันทรลักษ์
ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก อีกหนึ่งน้ำตกที่มีความสวยงาม รอบ ๆ
บริเวณเต็มไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติ
ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีลำธารไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรัก มีความสูงประมาณ 5 เมตร
สามารถลงเล่นน้ำได้ตลอดแนวน้ำตก
แถมบริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรมากมายให้ผู้สนใจได้ศึกษา ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า
1,000 ชนิด ส่วนฤดูท่องเที่ยวที่เหมาะสมคือฤดูฝนและฤดูหนาว
6. น้ำตกสำโรงเกียรติ

น้ำตกสำโรงเกียรติ
เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 81 กิโลเมตร ภายในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าพนมดงรัก
หมู่บ้านสำโรงเกียรติ ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ
ชื่อเดิมของหนึ่งตกแห่งนี้ออกจะน่ากลัวนิด ๆ กับ "น้ำตกปีศาจ"
ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามหน่วยทหารพรานชื่อ "หน่วยปีศาจ"
ที่ได้ใช้บริเวณน้ำตกตั้งเป็นฐานที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการ จากนั้นในปี พ.ศ. 2549
ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวพร้อมเปลี่ยนชื่อน้ำตกตามชื่อหมู่บ้านว่า
"น้ำตกสำโรงเกียรติ" ในปัจจุบัน
ลักษณะเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือเป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลจากหน้าผาสูงกว่า 8 เมตร
กระจายตัวเป็นม่านน้ำอย่างสวยงาม
ส่วนด้านบนของน้ำตกจะเป็นธารน้ำที่ไหลไปตามลานหินท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่
เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนในบรรยากาศเย็น ๆ
โดยช่วงเวลาสำหรับมาเที่ยวมากที่สุดคือตั้งแต่เดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี
เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.30-16.30
น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 0
4451 4447
7. ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศรีสะเกษ อควาเรียม

ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศรีสะเกษ
อควาเรียม (Sisaket Aquarium) แหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้สำคัญสำหรับเยาวชน นักเรียน
นักศึกษา และผู้ที่สนใจ
ตั้งอยู่ภายในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
(เกาะห้วยน้ำคำ) ในท้องที่ตำบลหนองครก อำเภอเมือง
อีกทั้งยังเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งแรกในภาคอีสานตอนใต้ด้วย
ภายในอาคารมีการจัดแบ่งโซนเรียนรู้ต่าง
ๆ ทั้งโซนปลาทะเล, ปลาน้ำจืด และปลาสวยงามด้วยพันธุ์ปลากว่า 100 ชนิด
จัดอยู่ในตู้ปลาตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงตู้ปลาขนาดจอภาพยนตร์
โดยแต่ละตู้จะมีคำอธิบายเกี่ยวกับปลาชนิดนั้น ๆ ไว้ให้อ่านให้ได้ความรู้
และเพลิดเพลินไปกับการชมปลาแหวกว่ายอยู่ภายในตู้
ส่วนไฮไลท์หลักที่ได้รับความสนใจคืออุโมงค์แก้วใต้น้ำ ระยะทาง 24
เมตรที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสความสวยงามของปลาอย่างใกล้ชิด
อีกทั้งยังมีการแสดงโชว์ดำน้ำและให้อาหารปลาจากเจ้าหน้าที่ในเวลา 14.00 น.
ของทุกวันอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีบริการ
"สปาปลา" ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส
และบริการมุมของที่ระลึกให้ได้เลือกอุดหนุนก่อนกลับบ้านอีกด้วย
โดยศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศรีสะเกษ อควาเรียม เปิดบริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา
10.00-16.00 น.
8. ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่

ตั้งอยู่ภายในวัดสระกำแพงใหญ่
อำเภออุทุมพรพิสัย มีลักษณะโดดเด่นด้วยปราสาทขอมขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด
สร้างขึ้นในสมัยบาปวน-บายน ในพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นเทวาลัยถวายพระศิวะตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
มีลักษณะเป็นพระปรางค์ 3 องค์ ตั้งเรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้
หันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก ปรางค์ประธานตั้งอยู่ตรงกลางก่อสร้างด้วยหินทราย
มีอิฐแซมบางส่วน
บริเวณส่วนบนมีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล ส่วนปรางค์อีก 2 องค์
สร้างด้วยอิฐ มีส่วนประกอบตกแต่งที่เป็นหินทราย
โดยสิ่งก่อสร้างทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยระเบียงคดรูปสี่เหลี่ยม
ผืนผ้าก่อด้วยศิลาแลง และศิลาทราย กว้าง 54
เมตร ยาว 62 เมตร
มีโคปุระ หรือซุ้มประตู ทั้ง 4 ทิศ
ซึ่งปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็น วัดในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
โดยปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น
9. ปราสาทบ้านปราสาท (ปราสาทห้วยทับทัน หรือปราสาทบ้านโนนธาตุ)

ภายในปรางค์องค์กลาง
มีขนาดใหญ่กว่าพระปรางค์อีก 2 องค์เล็กน้อย
ลักษณะของปรางค์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสอง
มีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว
มีกรอบประตูหินทรายและมีทับหลังเป็นภาพบุคคลยืนอยู่เหนือหน้ากาล ส่วนพระปรางค์ 2
องค์ที่ขนาบข้างสร้างขึ้นภายในหลังและได้รับการดัดแปลงรูปแบบไปมาก
มีลักษณะโดดเด่นด้วยประตูที่ก่ออิฐปิดตายทั้งสี่ด้าน
แต่ยังปรากฏกรอบประตูหินทรายและชิ้นส่วนทับหลัง
สลักภาพการกวนเกษียรสมุทรตกอยู่หน้าประตูปรางค์องค์ที่อยู่ด้านทิศใต้
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าหากชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางเข้ามากราบไหว้
หรือบนบานศาลกล่าวจะสมความปรารถนาทุกประการ และในช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3
ของทุกปี ก็มีการจัดงานประเพณีไหว้พระธาตุอีกด้วยสาทบ้านปราสาท (ปราสาทห้วยทับทัน)
10. หอคอยศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ

หอคอยศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ
หอคอยสูงสำหรับชมวิวสวยของตัวเมืองศรีสะเกษ
ตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ถนนขุขันธ์
ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง เปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. โดยเสียค่าบำรุงสถานที่ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท
ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ
กรุณาทำหนังสือส่งถึงนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษล่วงหน้าก่อนเข้าชม
ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลเมืองศรีสะเกษ
โทรศัพท์ 045620211-4 หรือ เฟซบุ๊ก เทศบาลเมือง ศรีสะเกษ
หมายเหตุ : เด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 100 เซนติเมตร, ผู้สูงอายุวัย
60 ปีขึ้นไป, ผู้พิการ เข้าชมฟรี !! และพระภิกษุ-สามเณร เข้าชมฟรี !!
ในวันพระเท่านั้น
อ้างอิง
https://travel.kapook.com/view156426.html
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%8C&rlz=1C1OKWM_enTH796TH796&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwifhMDQ2cTdAhUkTo8KHc_FB1IQ_AUIDygC&biw=1366&bih=662#imgrc=yM477gVhiid9ZM:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น